“การออกแบบร้านค้าที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น สามารถสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าอยากเดินเข้ามาซื้อของในร้านได้”
ซึ่งการสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าเข้ามาเต็มร้าน ไม่ใช่ว่าจะทำได้แค่ตอนที่พนักงานเดินเข้าไปพูดคุยโน้มน้าวเท่านั้น แต่คุณสามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่ “การวางแผนผังร้านค้า” การจัดวางแปลนชั้นวางสินค้าและอุปกรณ์ต่าง ๆ ในขั้นตอนเริ่มต้นเลยทีเดียว
แล้วการวางแผนผังร้านค้า จะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้ามาเดินที่ร้านของเราได้ยังไง ลองอ่านบทความนี้ดูสิคะ 🙂
เลือกเรื่องที่จะอ่านเลย ☟
สารบัญ
- ทำไมการออกแบบร้านค้าจึงมีผลต่อลูกค้าที่จะเดินเข้ามาในร้าน?
- ขั้นตอนที่ 1 : สร้างความประทับใจให้ลูกค้าตั้งแต่ก้าวแรก
- ขั้นตอนที่ 2 : กำหนดทิศทางการเดินของลูกค้า
- ขั้นตอนที่ 3 : หลีกเลี่ยงโซนสินค้าที่แตกต่าง
- ขั้นตอนที่ 4 : วางแผนการเดินของลูกค้าให้เป็นแบบทวนเข็มนาฬิกา
- ขั้นตอนที่ 5 : หลีกเลี่ยงทางเดินแคบๆ
- สรุป
ทำไมการออกแบบร้านค้าจึงมีผลต่อลูกค้าที่จะเดินเข้ามาในร้าน?
ทุกคนรู้หรือไม่
คนส่วนใหญ่กว่า 90% เมื่อเดินเข้าร้านแล้วจะเลี้ยวขวามือก่อน
(อ้างอิงจาก Shopify)
เพราะแบบนี้การออกแบบแผนผังร้านค้าจึงสำคัญ ถ้าเราสามารถวางแผนผังร้านค้าให้เป็นไปตามทิศทางการเดินของลูกค้าได้ จะทำให้ลูกค้าเข้ามาในร้านค้าของเรามากขึ้น หรือมีสิทธิ์เข้ามาเต็มร้านเลยทีเดียว
การวางแผนผังร้านค้าที่ดี จึงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างมากในธุรกิจร้านค้าปลีก เพราะต้องอาศัยความต้องการของผู้คนในการจะซื้อของเยอะ ๆ แบบหยิบใส่ หยิบใส่.. ร้านค้าปลีกของเราถึงจะได้ขายดีและได้กำไรเป็นที่น่าพอใจ
ถ้าเราสามารถจูงใจลูกค้าได้ตั้งแต่แรกเริ่มของการสร้างร้าน ด้วยการวาง แผนผังร้านค้า หรือการวางแปลนชั้นวางสินค้าและอุปกรณ์เปิดร้านแบบเจ๋ง ๆ ตั้งแต่แรก มันก็คงจะเป็นการเริ่มต้นอย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลต่อยอดขายของร้านในอนาคตได้ด้วยนะ
ขั้นตอนที่หนึ่ง : สร้างความประทับใจให้ลูกค้าตั้งแต่ก้าวแรก
ส่วนใหญ่ร้านซูเปอร์มาร์เก็ตจะออกแบบร้านค้าให้มีสองชั้นขึ้นไปเพื่อเน้นพื้นที่ให้ลูกค้าจำนวนมากเดินเข้ามา รวมถึงทำให้มีความหลากหลายของสินค้าและร้านค้าอื่น ๆ ที่จะเข้ามาเปิดด้วย ชั้นหนึ่งจึงเปรียบเสมือน First Impression ของซูเปอร์มาร์เก็ต
แต่หากร้านค้าของคุณเป็นร้านที่อาจจะไม่ได้ใหญ่เหมือนซูเปอร์มาร์เก็ต
ดังนั้น First Impression ของลูกค้าคุณคือ “ตั้งแต่หน้าร้านจนถึงลูกค้าเปิดประตูเข้ามาในร้าน”
เราขอยกตัวอย่างการใช้ภาพมาดึงดูดความชอบของลูกค้า ลองคิดตามกันดูนะคะ
- ถ้าคุณ เปิดร้านเพ็ทช็อป เมื่อลูกค้าเปิดประตูเข้ามาแล้ว
1) ภาพแรกที่เห็นคือสแตนดี้น้องหมา น้องแมว หรือสัตว์เลี้ยงต่าง ๆ ประดับตกแต่งเป็นซุ้มอยู่กับกระบะโปรโมชั่นที่แปะป้ายว่า “สินค้าขายดี”
2) เมื่อลูกค้ามองไปรอบ ๆ จะเห็นตำแหน่งชั้นวางที่เหมาะสม มีการจัดเรียงสินค้าที่เป็นระเบียบ พร้อมกับมีป้ายน้อง ๆ สัตว์เลี้ยงทั้งหลายแปะที่ชั้นวาง เพื่อให้เกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงประเภทนั้น ๆ
3) มีแสงไฟโทนสีส้มผสมกับสีขาวสาดส่องลงมาให้บรรยากาศร้านดูสว่างและอบอุ่น
4) มองไปมุมหนึ่งจะมีเฟอร์นิเจอร์โต๊ะ+เก้าอี้น่ารัก ๆ วางตรงมุมร้านสำหรับคนที่มากับนักช้อปแล้วอยากนั่งรอ
5) ใกล้ ๆ กันนั้นมีหนังสือหรือนิตยสารให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงวางคู่กับโต๊ะที่ให้นั่งรอ
แค่คิดภาพตามก็น่าเดินเข้าไปช้อปแล้ว ว่ามั้ยคะ? 🙂 ฉะนั้นสภาพแวดล้อมที่มีการตกแต่งที่สวยงาม และตรงกับความชอบของลูกค้า จะช่วยสร้างแรงจูงใจลูกค้าให้ประทับใจและอยากซื้อสินค้าในร้านของคุณมากยิ่งขึ้น ยังไงก็ลองปรับใช้วิธีนี้กับการวางแผนออกแบบร้านค้าปลีกของคุณดูนะ
(คลิกอ่านบทความเพิ่มเติมในเว็บ PN Store : 9 Tips ออกแบบร้านค้าปลีกให้ลูกค้าอยากเดินเข้ามาในร้าน)
การออกแบบร้านค้าด้วยการกำหนดพื้นที่ของชั้นวาง จะช่วยกำหนดทิศทางการเดินของลูกค้าให้เป็นไปตามความต้องการของคุณได้ วิธีการนี้คือ การวางแผนผังชั้นวางสินค้าให้เหมาะสมกับประเภทร้านค้าของคุณ ผสมผสานเข้ากับสินค้าหรือสิ่งที่คุณนำเสนอบนชั้นวาง
เรามาดูตัวอย่างให้เห็นภาพกันค่ะ
- หากคุณเปิดร้านมินิมาร์ทให้นำ “การวางแผนผังร้านค้าแบบตรง” มาใช้น่าจะเหมาะสมที่สุด
การวางแผนผังร้านค้าแบบตรง เป็นการวางตำแหน่งชั้นวางแบบง่ายดาย ไม่ซับซ้อน โดยที่จะสร้างพื้นที่ให้ลูกค้าหยิบซื้อของได้อย่างสะดวก สามารถดึงความสนใจให้กับลูกค้าให้เดินไปจนสุดทางที่หลังร้าน และเดินวนกลับมาที่หน้าร้านได้
จากนั้นติดป้ายโปรโมชั่นที่น่าสนใจตรงสินค้า หรือมีสินค้าตัวอย่างให้ทดลองระหว่างนั้น เพื่อให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการสัมผัสสินค้าโดยใช้หลักของ Sensory Marketing ซึ่งถ้าเพิ่มการสัมผัสต่าง ๆ หรือให้ลูกค้าทดลองสินค้าได้นั้น มันจะเพิ่มความรู้สึกอยากซื้อสินค้ามากขึ้นไปอีกเยอะทีเดียวเลยค่ะ (อ้างอิง thaitrade.com )
ขั้นตอนที่สาม : หลีกเลี่ยงโซนสินค้าที่แตกต่าง
การที่ลูกค้าจะคุ้นชินกับการเดินซื้อของในร้านค้านั้น ต้องใช้เวลาตั้งแต่พวกเขาเปิดประตูเข้ามาในร้าน เมื่อเขาเดินไปเรื่อย ๆ จะเริ่มมีความเพลิดเพลิน ฉะนั้นหากมีโซนสินค้าที่แตกต่างกันมาหยุดชะงักความเพลิดเพลินของเขา อาจทำให้การตัดสินใจของลูกค้าที่อยากซื้อของนั้นมีอัตราที่ลดลงไป
แต่ถ้าเราออกแบบร้านค้าด้วยการนำสินค้าที่เป็นแนวเดียวกันมาไว้ใกล้ ๆ กัน จะทำให้ลูกค้าที่สนใจสินค้าชิ้นหนึ่ง และไล่ระดับสายตาไปจนถึงสินค้าอีกชิ้นหนึ่ง ด้วยความรู้สึกที่สมูธ เพราะสินค้ามันเป็นแนวเดียวกัน
ลองมาดูตัวอย่างกัน
- ในร้านกิฟต์ช็อป มีสินค้ามากมายเรียงรายอยู่ มีแต่ของน่ารัก ๆ ทั้งนั้น แต่การจัดโซนสินค้านั้นจัดแบบสะเปะสะปะ สินค้าที่คล้ายกันวางไม่เป็นกลุ่มเดียวกัน ลูกค้าก็ไม่รู้จะเลือกดูอันไหนก่อน
แต่กลับกัน ร้านกิฟต์ช็อป อีกร้านหนึ่งมีสินค้าคล้าย ๆ กัน แต่มีการแบ่งโซนสินค้าที่ดี เช่น สินค้าที่เป็นกระจกก็เอาไว้ใกล้ ๆ กับหวีและยางรัดผม สินค้าที่เป็นผ้าเช็ดตัวก็เอาไว้ใกล้ๆกับหมวกคลุมอาบน้ำและใยขัดตัว เป็นต้น ซึ่งการจัดเรียงสินค้าแบบนี้ได้ผลมาก ๆ กับลูกค้า
( # อ่านเพิ่มเติมเรื่อง → 9 วิธีการจัดเรียงสินค้าในร้านค้าปลีก ให้ดึงดูดลูกค้า น่าซื้อ และเพิ่มยอดขายได้)
ขั้นตอนที่สี่ : วางแผนการเดินของลูกค้าให้เป็นแบบทวนเข็มนาฬิกา
Claus Ebster ประธาน Market Mentor บริษัทที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การตลาดการวิจัยผู้บริโภคและการออกแบบร้านค้า เขาได้ทำการวิจัยออกมาว่า
“เมื่อเดินเข้ามาในร้านแล้ว ลูกค้ามักจะเลี้ยวขวา และเดินทวนเข็มนาฬิกา”
พฤติกรรมของนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการวิจัยผู้บริโภค ซึ่งมีการพิสูจน์แล้วว่าลูกค้าเดินไปทางขวามากกว่าถึง 90% ( อ้างอิง researchgate.net)
การที่คนส่วนใหญ่เดินไปทางขวา คุณจึงควรออกแบบร้านค้าด้วยการ จัดวางสินค้า, ป้ายโฆษณา, โปรโมชั่นที่ดึงดูดใจ เรียงไล่ระดับไว้ทางขวา แล้วทวนเข็มนาฬิกาไปเรื่อย ๆ
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเปิดร้านขายหนังสือ สิ่งที่ควรนำไปวางด้านขวาของร้านก็คือ เชลฟ์สำหรับวางหนังสือ ประเภท “10 อันดับยอดนิยม” เพราะมันเป็นสิ่งที่โดดเด่นและยังเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ชื่นชอบ จึงมีผลให้ลูกค้าเริ่มสนใจจะซื้อสินค้าตั้งแต่เริ่มเดิน
หลังจากที่เดินไปเรื่อย ๆ ลูกค้ากวาดสายตาไปทางขวา จะมีหนังสือใหม่แนะนำขึ้นมาวางโชว์ในแต่ละหมวดหมู่ ซึ่งมันสร้างความน่าสนใจให้กับร้านหนังสือของคุณให้ลูกค้าอยากเดินทวนเข็มนาฬิกาไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายลูกค้าก็เดินมาหยุดที่ เคาน์เตอร์คิดเงิน ควักกระเป๋าตังค์ออกมาจ่ายเงินให้คุณแบบที่ไม่ต้องมีใครไปพูดชักจูงอะไรเลยล่ะ
ขั้นตอนที่ห้า : หลีกเลี่ยงทางเดินแคบ ๆ
เคยเป็นใช่ไหมคะ? เวลาไปเดินซื้อของที่ทางเดินมันแคบซะจนเดินเบียดไหล่กับคนอื่น มันทำให้คุณเสียอารมณ์จนไม่อยากซื้อในที่สุด เช่นเดียวกันค่ะ ถ้าร้านค้าปลีกของคุณ ออกแบบผังร้านค้าให้มีทางเดินที่แคบ ๆ ลูกค้าก็คงไม่เอนจอยกับการเดินซื้อของในร้านของคุณเหมือนกัน
Paco Underhill ผู้เขียนและผู้ก่อตั้ง Envirosell บริษัทที่ปรึกษาและวิจัยการตลาด กล่าวไว้ว่า
“ลูกค้าส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้หญิงให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนตัวของตนมาก เมื่อกำลังเลือกซื้อสินค้า หากพวกเขาถูกสัมผัสกระแทก หรือถูกขัดจังหวะขณะที่กำลังสนใจสินค้า พวกเขามีแนวโน้มที่เลิกสนใจสินค้านั้นหรือเดินออกจากร้านไปเลย”
( อ้างอิง researchgate.net )
ฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเปิดร้านค้าแบบไหนการวางแผนผังร้านค้าด้วยจัดตำแหน่งชั้นวางสินค้าให้มีระยะห่างที่กว้างพอดี จะช่วยให้ร้านค้าของคุณไม่แคบ ดูน่าเดินเข้าไปซื้อ เวลาที่ลูกค้ากำลังซื้อของพวกเขาจะได้เพลิดเพลินเต็มที่โดยไม่มีอะไรมาขัดจังหวะ ถือว่าเป็นการลดความรู้สึกแย่ให้กลายเป็นความรู้สึกสบายใจในเดินซื้อของในร้านค้าของคุณต่อไป
ตัวอย่างการออกแบบจัดวางแปลนชั้นวางสินค้า 3D ในร้านค้า
สำหรับ PN Steel ของเรา หากลูกค้าที่สั่งผลิตชั้นวางสินค้าเพื่อเปิดร้านกับเรา เรามีบริการออกแบบจัดวางแปลนชั้นวางสินค้า 3D ในร้านค้าให้ด้วย (เพื่อให้ทราบราคาและจำนวนชั้นวางที่ต้องใช้) จึงมีผลงานการออกแบบมากมาย
แต่ผู้เขียนจะนำมาให้ดูเป็นตัวอย่างสำหรับผู้อ่านที่เข้ามาดูบทความของเราประมาณ 5 แบบร้านเพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นว่าการออกแบบร้านค้าปลีกควรเป็นอย่างไร
3. ร้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และวัสดุก่อสร้าง
เซตนี้ประกอบไปด้วย
1. ริมผนัง : ใช้ชั้นสต็อกสินค้าขนาดใหญ่ 3 ชั้น
2. กลางห้อง : ใช้แร็คครอบชั้นวางสินค้าสั่งผลิตกลางห้อง ดีเทลประกอบไปด้วย
- ชั้นสต็อก 2 ชั้น + ชั้นวางสินค้า 4 ชั้น
- ชั้นสต็อก 2 ชั้น + ชั้นแขวนฮุก สำหรับแขวนเครื่องมือช่าง
- ชั้นวางสินค้ากลางห้อง 4 ชั้น
- ชั้นวางสินค้าทุกแถวมีป้ายหน้าแร็คสำหรับบอกโซนสินค้า
3. หลังร้าน : ใช้แร็คครอบชั้นตะกร้าข้อต่อ PVC ผสมชั้นโชว์ท่อ PVC แบบยาว
4. หน้าร้าน : ใช้เคาน์เตอร์แคชเชียร์ สั่งผลิตให้เป็นโทนสีเดียวกับชั้นวางสินค้า
5. ระหว่างทางเดินทั้งหน้าร้าน กลางร้าน และหลังร้าน : มีกระบะโปรโมชั่นหรือซุ้มสินค้าโปรโมชั่น
***ทั้งหมดเป็นงานสั่งผลิตพิเศษ***
จุดเด่นของการออกแบบร้านค้าปลีกร้านนี้คือ
- แม้จะมีโซนที่หลากหลาย แต่ออกแบบวางแปลนได้ชัดเจน รู้ได้เลยว่าอะไรอยู่ตรงจุดไหน ทำให้ง่ายต่อการเดินช้อปปิ้ง
- ชั้นวางสินค้าและเคาน์เตอร์แคชเชียร์ที่มีความคุมโทนตามสีของแบรนด์ เพิ่มความน่าดึงดูดให้แก่ลูกค้าได้ดีเยี่ยม
- การออกแบบชั้นวางสินค้าที่สามารถสต็อกสินค้าและวางสินค้าได้ 2 ต่อ มีประโยชน์และประหยัดพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
คลิกเพื่อดู > ผลงานการออกแบบวางแปลนชั้นวางสินค้าร้านนี้
จุดเด่นของการออกแบบร้านค้าปลีกร้านนี้คือ
- มีความเรียบง่ายตรงตามการจัดร้านทั่วไป
- จัดตู้แช่ไว้หลังร้าน เหมาะกับเจ้าของร้านที่ต้องการให้ลูกค้าเดินชมสินค้าอื่น ๆ ก่อนไปถึงตู้แช่เครื่องดื่ม
- จัดเคาน์เตอร์คิดเงินไว้หน้าร้าน สะดวกต่อการจ่ายเงิน
คลิกเพื่อดู > ผลงานการออกแบบวางแปลนชั้นวางสินค้าร้านนี้
4. ร้านซุปเปอร์สโตร์หรือร้านขายส่ง
เซตนี้ประกอบไปด้วย
1. ริมผนังรอบ ๆ ร้าน : ใช้ชั้นสต็อกสินค้า 6 ชั้น
2. กลางห้อง : ใช้แร็คครอบชั้นวางสินค้า (ชั้นสต็อกสินค้า 2 ชั้น + ชั้นวางสินค้า 4 ชั้น)
3. หน้าร้าน : ใช้เคาน์เตอร์แคชเชียร์สั่งผลิตเป็นชุดแบบในห้าง ด้านในเคาน์เตอร์มีตู้เก็บของ ที่แขวนถุง ลิ้นชักต่าง ๆ
4. ด้านข้างร้าน : มีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ใช้เป็นจุดบริการ Customer Service
5. ด้านหลังร้านฝั่งซ้าย :
- ชั้นวางสินค้าหลังทึบกลางห้อง 5 ชั้น มีรางใส่ป้ายแบรนด์
- ชั้นวางสินค้าหลังทึบริมผนัง 6 ชั้น มีกล่องไฟสำหรับป้ายแบรนด์
- กระบะโปรโมชั่นติดแถบป้ายโทนสีเดียวกับชั้นวางสินค้าและเคาน์เตอร์
***ทั้งหมดเป็นงานสั่งผลิตพิเศษ***
จุดเด่นของการออกแบบร้านค้าปลีกร้านนี้คือ
- ชั้นวางสินค้า เคาน์เตอร์แคชเชียร์ และเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์มีความคุมโทน และมีการตกแต่งด้วยป้ายต่าง ๆ ที่เป็นสีแบรนด์ ทำให้ร้านดูสวยงาม โดดเด่น และทันสมัยมากขึ้น
- จัดโซนสินค้าสำหรับบริการลูกค้าหลากหลาย ทั้งโซนช้อปปิ้ง โซนเซอร์วิส โซนบิวตี้
- ป้ายบอกโซนสินค้า มีความละเอียด ชัดเจน ทำให้ง่ายต่อลูกค้าในการเดินช้อป
คลิกเพื่อดู > ผลงานการออกแบบวางแปลนชั้นวางสินค้าร้านนี้
〈สรุป〉
ทำไมการออกแบบร้านค้าจึงมีผลต่อลูกค้าที่จะเดินเข้ามาในร้าน?
: เพราะการสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าเดินซื้อของในร้านของคุณมากขึ้น สามารถทำได้ตั้งแต่เริ่มต้นวางแผนผังร้านค้า
ขั้นตอนแรก : กำหนดเป้าหมายให้ดีตั้งแต่ลูกค้าก้าวขาเข้ามาในร้าน สร้างความประทับใจให้ลูกค้าตั้งแต่แรกเห็น
ขั้นตอนที่สอง : กำหนดทิศทางการเดินของลูกค้าด้วยการใช้แผนผังชั้นวางที่เหมาะกับร้านค้าของคุณ
ขั้นตอนที่สาม : หลีกเลี่ยงโซนสินค้าที่แตกต่างเพื่อให้ลูกค้าเดินซื้อของได้อย่างราบรื่น
ขั้นตอนที่สี่ : วางแผนการเดินของลูกค้าให้เป็นแบบทวนเข็มนาฬิกาที่เป็นกลยุทธ์ตามสากลที่มีการวิจัยแล้วว่าใช้งานได้จริง
ขั้นตอนที่ห้า : หลีกเลี่ยงทางเดินแคบ ๆ เพื่อลดความรู้สึกไม่ดีของลูกค้า
เป็นยังไงกันบ้างคะกับบทความนี้ที่เรานำมาเสนอให้ทุกคนได้อ่าน หวังว่าจะได้รับประโยชน์เพื่อนำไปปรับใช้กับร้านค้าปลีกของคุณนะคะ
หากอยากรู้จัก PN มากขึ้น ฝากดูแคตตาล็อกสินค้า หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้เลยน้า
บทความดีๆ By : ชั้นวางสินค้า PN
References
- smartsheet.com “The Essential Guide to Retail Store Layouts that Shape the Customer Experience” smartsheet
- marketingoops.com “จิตวิทยา “การจูงใจ” ให้คนคล้อยตามคุณ เคล็ดลับที่ใช้ได้กับทุกธุรกิจ” 31/7/2017 marketingoops
- researchgate.net “Store design and visual merchandising: Creating store space that encourages buying” researchgate
- researchgate.net “Why We Buy: the Science of Shopping” researchgate
- shopify.com “‘The Ultimate Guide to Retail Store Layouts” 18/1/2017 shopify