แน่นอนว่าถ้าเทียบกับบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าของร้านสะดวกซื้อชื่อดังต่างๆแล้ว เราไม่ได้มีเงินถุงเงินถังมากมาย ที่จะจ้างทีมงานมืออาชีพ หรือ ทีมการตลาดเทพๆ เพื่อมาวางแผนสร้างยอดขาย และกำไร แบบจริงจัง
อย่างไรก็ตาม เรายังมีวิธีอีกมากมายที่เราสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง หรือแม้แต่ให้คนที่บ้าน ซึ่งอาจเป็นญาติพี่น้อง หรืออาจเป็น ลุกหลาน ที่มีความเข้าใจในเรื่อง Social Media เป็นคนทำให้ก็ได้ 🙂
วันนี้ PN จึงขอมานำเสนอ ” 9 สิ่ง ที่ ร้านค้าชุมชน ต้องทำทันทีที่เปิดร้านค้า ในแบบฉบับ 2020 “ ครับ
สารบัญ
- ทำให้ลูกค้าหาเราเจอจาก Google Business
- สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าผ่าน Facebook
- โชว์ภาพสินค้าสวยๆด้วย Instagram
- Branding ร้านค้าผ่าน YouTube
- เขียนบทความน่าสนใจลง Blog
- นำธุรกิจไปแนะนำที่ Market Place
- อย่าลืมขอคำติชมจากลูกค้าที่มาใช้บริการ
- ทำบัตรสมาชิกผ่าน Line OA
- สร้างความสำเร็จที่ยั่งยืนด้วย Website
1. ทำให้ลูกค้าหาเราเจอจาก Google Business
แน่นอนว่าในยุคสมัยนี้ มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนหยิบมือถือขึ้นมาทันทีที่อยู่ในที่สาธรณะ และแน่นอนว่าต้องมีลูกค้าของเรา หรือว่าที่ลูกค้าของเรา (Lead) อยู่ในนั้นด้วย
แน่นอนว่าถ้าเราไม่มองรอบข้าง หรือไม่สังเกตุรอบข้าง ต่อให้ร้านที่อยู่บนทำเลทองแค่ไหน ก็อาจไม่มีลูกค้าได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าร้านค้านั้นไม่มีตัวตนบนโลกออนไลน์
วิธีแก้นี้ ง่ายมากๆครับ เพียงแค่เราไปปักหมุดร้านของเราลงบน Google Map ซะ ซึ่งจะทำผ่านบริการของทาง Google ที่ชื่อว่า Google My Business
ตัวอย่างการทำ Google Business โดย ร้านค้าขนาดเล็ก
ภาพจาก: Google Search
จากตัวอย่างข้างต้นนี้ จะเห็นได้ว่า เมื่อเราค้นหาคำว่า ” ร้านค้า ” จะมีสถานที่ขึ้นก่อน บน Search ซึ่งเมื่อดูจากชื่อร้านข้างต้นแล้ว ก็สันนิฐานได้ทันทีเลยว่า น่าจะเป็นร้านค้าขนาดเล็ก ภายในชุมชน ที่อยู่ใกล้กับสถานที่ ที่เราอยู่ ณ ปัจจุบัน
การที่ ร้านค้า มีตัวตนบนแผนที่ สำคัญ ขนาดไหน?
สมัยนี้ เวลาคนจะไปสถานที่ไหน ก็มักจะหาบนสื่อ Social Media ก่อน รวมถึงการค้นหาบน Google ด้วย
ดังนั้นแล้ว หากเราอยากให้ร้านของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น อันดับแรก ควรทำให้ลูกค้าหาเราเจอก่อนครับ
*** บทความนี้ จะอัพเดตเรื่อยๆ หากท่านใดอยากทราบวิธีทำ Google Business สามารถ Comment ใต้บทความนี้ได้ครับ แล้วผมจะทำการอัพเดต 🙂 ***
2. พัฒความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าผ่าน Facebook
รู้หรือไม่? ว่าปัจจุบันมีคนไทยใช้เฟสบุ๊คมากถึงถึง 47 ล้านคน ซึ่งคิกเป็น 79 % จากประชากรทั้งประเทศ ข้อมูลจาก Hootsuite
ผมกำลังจะบอกว่า ในสมัยนี้นั้น ร้านค้าของคุณมีโอกาสเข้าถึงคนมาถึง 47 ล้านคน เลยทีเดียว ซึ่งทำให้เรื่องทำเลยิ่งกลายเป็นเรื่องรองไปใหญ่
แต่แน่นอนว่าคุณไม่มีทางเข้าถึงจำนวนคนทั้งหมดนี้ได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะ ธุรกิจ เรานั้นอาจเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ดังนั้น เราจึงต้อง
อาศัยความสม่ำเสมอ ความมีวินัย ในการลง Content ดีๆผ่านเฟสบุ๊ค เช่น การลงสินค้าใหม่ๆ การลงโปรโมชั่น หรือแม้แต่วันหยุดร้านก็สำคัญ (มีผลต่อความรู้สึกลูกค้า)
3. โชว์ภาพสินค้าสวยๆด้วย Instagram
Instagram เป็นสื่อหนึ่งที่เด่นมากเรื่องภาพ ถือว่าเป็นช่องทางที่ดีมากๆในการเล่าเรื่องต่างๆด้วยภาพ รวมถึงการเล่าเรื่อง ร้านค้า ของเราเช่นกัน
ถ้าเรามีภาพสินค้าสวยๆที่อยากจะนำเสนอ เราอาจใช้ช่องทางนี้เป็นหลัก หรือแม้แต่การสร้างภาพลักษณ์ของร้านค้าก็สามารถทำได้เช่นกัน
เราอาจสร้างจุดที่ทำให้ลูกค้าจดจำเราได้ง่าย เช่น โซนถ่ายรูปเล็กๆในร้าน หรืออาจเป็น มาสคอตของร้าน หรือแม้แต่ เชลฟ์ลักษณะแปลกๆก็มีผลเช่นกัน
ถ้าสนใจ ชั้นวางสินค้า ออกแบบพิเศษ ทั้งรูปลักษณ์ และสีสัน สำหรับร้านค้า ลองปรึกษาเราดูได้ที่ ชั้นวางสินค้า PN
4. Branding ร้านค้าผ่าน YouTube
นอกจากช่องทางภาพ และแชท แล้ว อีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจมากๆคือ YouTube
เมื่อพูดถึง YouTube คุณอาจนึกถึง MV เจ๋งๆ ภาพวิดีโอคมๆ หรือ YouTube เทพๆ แต่ปล่าวครับ ผมกำลังจะบอกว่า ช่องทาง YouTube นั้นจะช่วยให้คุณได้เล่าเรื่องราว เกี่ยวกับ ร้านค้าของเรา หรือเรื่องราวของสินค้าภายในร้านค้า ซึ่งการเล่าเรื่องราวนั้น จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับร้านค้า สินค้า รวมถึงตัวผู้เล่าเรื่องด้วย
ที่สำคัญที่สุดคือ Eye Contact ที่จะทำให้ลูกค้าเห็นถึงความจริงใจ หลักจิตวิทยาข้อหนึ่งกล่าวว่า คนเรามักจะเลือกคุยกับคนที่เคยเห็นหน้า หรือรู้จักหน้า มากกว่าคุยกับคนที่ไม่เห็นหน้า
5. เขียนบทความน่าสนใจลง Blog
เราอาจไม่ใช่คนเก่งในด้านการเขียนสักเท่าไร แต่ถ้าเราได้เขียนในสิ่งที่เราทำ หรือเขียนเกี่ยวกับงานของเราหละ? ผมเชื่อว่า ไม่มีใครที่เข้าใจ
สินค้าของเรา ได้ดีเท่ากับเรา ดังนั้นแล้ว จะดีมั้ย ถ้าเราได้ลองเขียนนำเสนอ อธิบายสินค้า หรือบริการของเราออกมา เหตุผลหนึ่งเพื่อ
การยำเตือนในสิ่งที่เราทำ ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งคือ ทำให้เราแน่ใจว่า ร้านค้า ของเรา ได้ขายสินค้าคุณภาพจริงๆให้กับลูกค้า ผ่านคำเขียนเหล่านั้น
6. นำธุรกิจไปแนะนำที่ Marketplace
ผมเชื่อว่าในบริเวณที่เราอยู่นั้น มี Marketplace มากมาย เช่น กลุ่มจังหวัด กลุ่มนักศึกษามหาลัย หรือกลุ่มธุรกิจนั้นตรงๆ ในเฟสบุ๊ค ในไลน์ ต่างๆ
ซึ่งสำคัญที่สุดคือ ” ฟรี ” ส่วนใหญ่แล้ว เราสามารถลงนำเสนอธุรกิจ หรือผลิตภัณฑ์ของเรา ได้ฟรีๆ ผ่านช่องทางดังกล่าว ส่วนพื้นที่เสียเงินก็มี
เช่น Lazada Shopee Kaidee เป็นต้น
7. อย่าลืมขอคำติชมจากลูกค้าที่มาใช้บริการ
คงไม่มีใครอยากได้รับคำติ หรือ คำตำหนิ แต่ประเด็นอาจไม่ใช่ตรงนี้เลยซะทีเดียว เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเราขอคอมเม้นท์จากลูกค้า
ลูกค้ามักจะ Comment ให้เราไปในทางที่ดี หรือ ถ้าเทียบเป็นคะแนนก็ 3.5 /5 ถึง 4.9/5 (ส่วนคนที่จะให้คะแนนต่ำกว่านี้คงเลือกที่จะไม่ Comment
มากกว่า)
คะแนนหรือดาวเหล่านี้ มันจะมีประโยชน์มหาศาลเมื่อคนค้นหาธุรกิจของเรา และเจอร้านค้าประเภทเราอยู่หลายเจ้า แต่เราได้รับคะแนนโหวตสูงที่สุด
หรือสูงมากๆ เป็นสิ่งที่ทำให้ร้านได้รับความน่าเชื่อถือได้ดีมากๆ
8. ทำบัตรสมาชิกผ่าน Line OA
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบได้รับส่วนลดต่างๆจากการเป็นสมาชิก และจะชอบทวีคูณถ้ามีระบบสะสมแต้ม สะสมคะแนนเพื่อแลกรับบริการพิเศษ หรือข้อเสนอพิเศษ
อย่างไรก็ตามถ้าการทำบัตรสมาชิกนั้น ต้องเสียเงิน ผมก็คงเลือกที่จะไม่ทำบัตรสมาชิก
แต่รู้หรือไม่ว่าการทำระบบบัตรสมาชิกนั้น นอกจากจะทำให้เราได้ลูกค้าประจำแล้ว เรายังสามารถเก็บข้อมูลการใช้บริการของลูกค้าไว้ด้วย
ตัวอย่างเช่น
- ลูกค้าชอบบริการอะไร
- ชอบสินค้าใด
- ชอบสีอะไรเป็นพิเศษ
ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ การแข่งขันด้านข้อมูล จะเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนเรียกได้ว่า ใครมีข้อมูลลูกค้ามากกว่า อาจเอาชนะคู่แข่งได้ในที่สุด
9. สร้างความสำเร็จที่ยั่งยืนด้วย Website
ข้อสุดท้าย เป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะทุกข้อที่ผมกล่าวไป 8 ข้อข้างต้นนั้น ต้องอาศัยสื่อใดสื่อหนึ่ง เป็นตัวกลาง ไม่ใช่เจ้าของจริงๆ หรือ Own Media
หรือมีเดียที่เป็นของเราจริงๆ เว็ปไซต์ก็เปรียบเสมือนบ้านหลังหนึ่ง ที่อบอุ่นเสมอ หากคุณดูแลทำความสะอาด หมั่นกวาดถูบ้าน เป็นประจำ
เว็ปไซต์เป็นบ้านของเรา และเป็น Fully Inbound Marketing หรือ การตลาดแบบดึงดูดเต็มรูปแบบ
หมายความว่า ลูกค้าเข้ามาบ้านของเรา ผ่านช่องทางการค้นหาบน Search Engine เช่น Google Yahoo Sanook และอื่นๆ
พวกเขาเหล่านั้นเลือกที่จะกดเข้ามาหาเราเอง ถ้าบ้านเราสวย น่าอยู่ ก็จะทำให้คนที่เข้ามานั้น รู้สึกถึงความอบอุ่น
แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องพยายามทำให้บ้านของเรานี้อยู่ในทำเลที่ดีบนโลกออนไลน์ ด้วยการทำอันดับบน Google หรือการทำ SEO นั่นเอง อยาก
ซึ่งแน่นอนว่า อันดับที่ดีไม่ได้มาได้ง่ายๆแน่นอน แต่ถ้าเราขยัน มานะ อดทน นำเสนอสิ่งดีๆให้กับ คนที่เข้ามาบ้านของเรา วันหนึ่ง เราก็จะอยู่ที่ 1
และจะได้รับผลตอบแต่ที่คุ้มค่ามากๆแน่นอน
ปล. เว็ปไซต์ pnsteelproduct ใช้เวลากว่า 7 เดือน ในการทำอันดับคำว่า ” ชั้นวางสินค้า ” ชมเนื้อหาเว็ปไซต์ได้ที่ ชั้นวางสินค้า PN
สรุป
ในโลกปัจจุบันนี้ มีช่องทางต่างๆมากมาย ที่จะช่วยให้ร้านค้าของเรานั้น เพิ่มยอดขายได้อย่างมากมาย ด้วยวิธีที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเลย หรือใช้น้อยมากๆ คือ
- ปักหมุดบน Google Map
- สร้างเพจ Facebook หรือ กลุ่ม Community
- อัพภาพสวยๆลง IG
- สร้าง Character ร้านค้า ผ่าน YouTube
- เขียนสาระดีๆเกี่ยวกับสินค้าผ่าน Blog
- นำธุรกิจตัวเองไปพรีเซ้นต์บน Market Place
- ขอ Review จากลูกค้าที่มาใช้บริการจริงๆ
- สร้างระบบบัตรสมาชิกด้วย Line OA
- สร้างความสำเร็จที่ยั่งยืนด้วยการทำ Website
เพียงทำได้ข้อใดข้อหนึ่งใน 9 ข้อนี้ ก็อาจทำให้ ร้านค้า ของคุณ เพิ่มยอดขาย และกำไร ได้มากขึ้น อย่างแน่นอน
ความสำเร็จบางอย่าง อาจไม่ได้มาด้วยการลงทุนมหาศาล หรือการมีเครื่องจักรที่ทันสมัย แต่เป็นตัวเราเอง ที่เป็นเครื่องจักรที่ดีที่สุด ในการสร้างความสำเร็จนั้นขึ้นมา
บทความดีๆ By ชั้นวางสินค้า PN