9 วิธีการจัดเรียงสินค้าในร้านค้าปลีก ให้ดึงดูดลูกค้า น่าซื้อ และเพิ่มยอดขายได้

1. การจัดเรียงสินค้าบนเชลฟ์ที่เหมาะสมกับตัวสินค้า

ก่อนจะทำการจัดเรียงสินค้า ในร้านค้าปลีก สิ่งแรกที่ต้องคำนึงเลยก็คือเชลฟ์ เพราะร้านค้าปลีกไม่ได้มีแค่ประเภทเดียว นอกจากร้านขนาดเล็กอย่างร้านขายของชำ ร้านมินิมาร์ท ยังมีร้านเพ็ทช็อป ร้านอุปกรณ์การเกษตร ร้านวัสดุก่อสร้าง ร้านซุปเปอร์สโตร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยร้านค้าปลีกแต่ละประเภท ก็จะใช้เชลฟ์ที่แตกต่างกันออกไป

จัดเรียงสินค้าบนเชลฟ์ที่เหมาะสมกับตัวสินค้า

ตัวอย่างเชลฟ์สำหรับร้านค้าปลีกแต่ละประเภท

• ชั้นวางสินค้า สำหรับวางสินค้าทั่วไป
• ชั้นแขวนฮุก สำหรับจัดเรียงสินค้าประเภทแขวน
• ชั้นตะกร้า สำหรับสินค้าชิ้นเล็ก ๆ หรือสินค้าที่ทรงตัวไม่ได้
• ชั้นสต็อก สำหรับวางสต็อกสินค้าและสินค้าที่มีน้ำหนักเยอะ

หรือจะผสมผสานฟังก์ชันของชั้นวางสินค้าทั้งหมดไว้ในตัวเดียว PN ก็สามารถทำได้

ตัวอย่างการสั่งผลิตชั้นวางสินค้าทุกฟังก์ชันไว้ในตัวเดียว

เพราะประเภทสินค้าแต่ละแบบไม่เหมือนกัน การใช้รูปแบบเชลฟ์ที่เหมาะสมกับสินค้าแต่ละประเภท ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อความง่ายต่อวางและจัดเรียงสินค้าสินค้า รวมถึงความง่ายต่อลูกค้าในการหยิบจับสินค้าด้วยเช่นกัน

ทุกคนสามารถเลือกดูรูปแบบเชลฟ์ตามประเภทการใช้งานต่าง ๆ ได้ที่ปุ่มด้านล่างเลยนะคะ มีทั้งแคตตาล็อกสินค้า และแกลลอรี่ผลงานการติดตั้งชั้นวางสินค้า ที่จะมีตัวอย่างเชลฟ์สำหรับสินค้าแต่ละประเภทแตกต่างกันออกไปให้เป็นไอเดียได้ค่ะ

2. จัดเรียงสินค้าให้มองเห็นง่าย ด้วยการแบ่งโซนแยกหมวดหมู่สินค้า

เมื่อได้ชั้นวางสินค้าที่เหมาะสมแล้ว ก็ถึงขั้นตอนของการจัดเรียงสินค้า เราสามารถทำให้สินค้าโดดเด่นสะดุดตาได้ด้วยการเริ่มต้นแบ่งโซนสินค้าประเภทเดียวกันไว้ใกล้กัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถหาสินค้าได้อย่างง่ายดายมากขึ้น

2.1) ร้านค้าขนาดเล็กประเภทร้านชำหรือร้านมินิมาร์ท ใช้ชั้นวางสินค้า 1 ฝั่ง เป็นโซนสินค้านั้น ๆ

• โซนซักล้าง เช่น น้ำยาปรับผ้านุ่ม, น้ำยาซักผ้าขาว, น้ำยาล้างจาน และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่น ๆ
• โซนอาหารแห้ง เช่น ผงปรุงรส, น้ำปลา, ซอส, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
• โซนของกิน เช่น ขนมนมเนยต่าง ๆ
• โซนเครื่องสำอางและของใช้ในบ้าน เช่น กรรไกรตัดเล็บ, หวี, หมวกคลุมผม

จัดเรียงสินค้าให้มองเห็นง่าย ด้วยการแบ่งโซนแยกหมวดหมู่สินค้า

2.2) ร้านขนาดใหญ่ประเภทร้านวัสดุก่อสร้างหรือร้านอุปกรณ์เกษตร ใช้เป็น 1 ล็อคของชั้นวางสินค้าอาจใช้เป็นโซนของสินค้านั้น ๆ ไปเลย แล้วใช้ป้ายบอกโซนสินค้าติดไว้ที่หัวปิดเชลฟ์

จัดเรียงสินค้าให้มองเห็นง่าย ด้วยแบ่งโซนในร้านวัสดุก่อสร้าง

3. จัดเรียงสินค้าเต็มเชลฟ์ให้ดูน่าซื้อ

การจัดเรียงสินค้าบนชั้นวางให้โดดเด่นสะดุดตาและน่าซื้อได้ จะต้องมีสินค้าเต็มชั้นโชว์ตลอดเวลา ควรสำรวจตรวจเช็กสินค้าบนชั้นวางอยู่เสมอว่ามีสินค้าพร่องหรือมีช่องโหว่ในส่วนไหนบ้าง เมื่อพบว่ามีสินค้าพร่องหรือมีช่องโหว่ ให้หมั่นเติมสินค้าให้เต็ม และควรมีการจัดสินค้าบ่อย ๆ เพื่อให้เรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยนะ

จัดเรียงสินค้าเต็มเชลฟ์ให้ดูน่าซื้อ

4. ติดป้ายราคา/ป้ายโฆษณาให้ดึงดูดและน่ามอง

การมี ป้ายราคา จะช่วยให้ผู้บริโภคอยู่กับสินค้าได้นานขึ้น เพราะเวลาพวกเขาจะซื้ออะไรสักอย่าง จะต้องมีการเปรียบเทียบราคากัน ระหว่างยี่ห้อหรือแบรนด์ต่าง ๆ ซึ่งมีผลอย่างมาต่อการซื้อสินค้า

รวมถึงการนำสินค้าที่ขายดีมาจัดเรียงในระดับสายตาของลูกค้า จะทำให้สินค้าบนชั้นวางน่าสนใจมากยิ่งขึ้น อาจเพิ่มความโดดเด่นสะดุดตามากขึ้นด้วยติดป้าย Sale หรือป้าย Shelf talkers เพื่อดึงดูดความสนใจมากขึ้นกว่าเดิม

การติดป้ายราคาและติดป้ายโฆษณาให้ดึงดูดสายตา

5. จัดเรียงสินค้าให้สมดุล

วางของที่มีน้ำหนักมากไว้ด้านล่าง ส่วนของที่เบาวางไว้ด้านบน ช่วยป้องกันของที่มีน้ำหนักมากตกหล่นลงมา

ตัวอย่างเช่น ถุงข้าวสาร, น้ำดื่มขวดใหญ่, ผงซักฟอกถุงใหญ่ หรือสินค้าที่เป็นแพ็คให้วางเรียงที่ด้านล่าง ส่วนสินค้าที่เป็นขนมนมเนยชิ้นเล็ก ๆ ก็วางไว้ด้านบน ซึ่งควรเรียงขึ้นไปตามลำดับของน้ำหนักสินค้า

จัดเรียงสินค้าให้สมดุล

** ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบชั้นวางสินค้า หากเป็น ‘แร็คครอบเชลฟ์’ ที่ถูกดีไซน์ให้ชั้นสต็อกที่รับน้ำหนักได้เยอะไว้ด้านบน ก็สามารถปรับเปลี่ยนการจัดเรียงตามรูปแบบของชั้นวางสินค้าได้ค่ะ

ตัวอย่างแร็คครอบเชลฟ์

หากยังไม่ทราบว่าแร็คครอบเชลฟ์คืออะไร สามารถคลิกเพื่ออ่านเรื่องแร็คครอบเชลฟ์เพิ่มเติมได้ที่ ☛ แร็คครอบชั้นวางสินค้า คืออะไร? พร้อม 10 ตัวอย่างผลงานจริงจาก PN

6. จัดเรียงสินค้าให้สัมพันธ์กัน

แม้จะแบ่งโซนสินค้าประเภทเดียวกันไปแล้ว แต่การจัดเรียงสินค้าให้สัมพันธ์กันก็ควรมีในบางจุดด้วยเช่นกัน วิธีนี้เรียกกันในแบบสากลคือ Cross selling เพื่อเพิ่มยอดขาย

ทำได้โดยการจัดสินค้าคนละประเภทที่มีความเกี่ยวเนื่องกันหรือต้องใช้งานร่วมกันไว้เป็นเซตเดียวกัน วิธีการนี้จะช่วยให้ลูกค้าหาสินค้าที่ต้องการได้ง่ายมากขึ้น และมีโอกาสที่จะซื้อสินค้าในร้านของเราขึ้นไปทีละหลายชิ้นอีกด้วย

จัดเรียงสินค้าให้สัมพันธ์กันด้วยการ Cross selling เพื่อเพิ่มยอดขาย

ตัวอย่างเช่น 

• จัดเซตการวางแชมพูไว้ข้าง ๆ กับครีมนวดผม, ทรีตเม้นท์ผม, หมวกคลุมผมอาบน้ำ, สเปรย์จัดแต่งทรงผม, รวมถึงผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม
• จัดเซตการวางหมอนไว้ข้าง ๆ กับตุ๊กตา ผ้าห่ม, ชุดนอน, รองเท้าสลิปเปอร์
• จัดเซตอุปกรณ์ทำครัวไว้ใกล้ ๆ กับกล่องข้าว, ปิ่นโต, ช้อนส้อม
• จัดสีทาบ้านไว้ใกล้ ๆ กับแปรงทาสี, ลูกกลิ้ง, ถาดทาสี
• จัดแป้งทำเบเกอรี่ไว้ใกล้ ๆ กับน้ำมันพืช, เกล็ดขนมปัง, ท็อปปิ้ง
• จัดน้ำยาทาเล็บไว้ใกล้ ๆ กับกรรไกรตัดเล็บ, น้ำยาล้างเล็บ, ตะไบเล็บ

เวลาที่เราไปร้านสะดวกซื้อ ยิ่งเราหาสินค้าที่ชอบเจอ สายตาจะมองเห็นสินค้าที่น่าสนใจและมีความใกล้เคียงกับสินค้าที่เราชอบวางอยู่ข้าง ๆ กัน เป็นผลให้ต้องหยิบเข้าตะกร้าอีกชิ้น นี่คือข้อดีของการจัดเรียงสินค้าให้สัมพันธ์กัน หรือที่เรียกว่า Cross selling

# ทุกคนสามารถคลิกอ่านเรื่อง Cross selling ที่เราเขียนไว้ในเว็บไซต์ PN Storetailer ได้ที่ลิงก์นี้นะคะ → Cross selling คืออะไร? พร้อม 7 ตัวอย่างที่อ่านแล้วเข้าใจทันที

7. จัดตู้แช่ไว้หลังร้าน

หากร้านของคุณเป็นร้านประเภทมินิมาร์ท ให้นำตู้แช่ไปไว้หลังสุด เนื่องจากคนส่วนใหญ่มักจะซื้อน้ำและเครื่องดื่มเป็นอันดับต้น ๆ เพื่อดับกระหาย การจัดร้านแบบนี้ จะทำให้ลูกค้าเดินผ่านสินค้าตัวอื่น ๆ บนเชลฟ์ ส่งผลให้พวกเขาอาจเกิดความอยากได้หรือซื้อสินค้าตัวเพิ่มเติม ก่อนที่จะเดินไปถึงตู้แช่ ซึ่งเป็นทริคในการเพิ่มยอดขายมากขึ้น

การจัดร้านค้าด้วยการนำตู้แช่ไว้ที่หลังร้าน

หรือถ้าร้านค้าปลีกของคุณเป็นร้านประเภทอื่นที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก ให้คุณนำ “สินค้าที่จำเป็น” ที่ลูกค้าจะต้องซื้อแน่ ๆ ไปไว้ที่หลังร้าน เพื่อนำทางลูกค้าให้เดินผ่านเชลฟ์ที่มีสินค้าอื่น ๆ จนเกิดความอยากได้หรืออยากเดินช้อปปิ้งต่อมากขึ้นก่อนจะไปถึงสินค้าตัวนั้น

ทริคนี้จะต้องดูประเภทร้านค้าของคุณด้วยว่า หากนำสินค้าตัวนั้นไปไว้ข้างหลังร้าน จะส่งผลอะไรหรือเปล่า เพราะข้อเสียของมันคือ จะทำให้สินค้าหายากขึ้น รวมถึงการออกแบบแผนผังร้านค้าจะต้องไม่ซับซ้อนด้วย

8. จัดสินค้าบนเคาน์เตอร์แคชเชียร์

เคาน์เตอร์แคชเชียร์หรือเคาน์เตอร์คิดเงิน เป็นจุดที่มีความสำคัญไม่แพ้บนชั้นวางสินค้า ในร้านค้าปลีก สามารถเพิ่มการจัดเรียงสินค้าต่าง ๆ ไว้บนเคาน์เตอร์เพื่อเพิ่มยอดขายได้

จัดเรียงสินค้าบนเคาน์เตอร์แคชเชียร์เพื่อเพิ่มยอดขาย

• สินค้าราคาแพง/สินค้าที่ลูกค้าต้องสั่ง – จัดสินค้าที่มีร้านค้าแพงและสินค้าที่ลูกค้าต้องสั่งไว้ที่แคชเชียร์ เช่น เหล้า, บุหรี่, โทรศัพท์

• สินค้าหยิบง่ายชิ้นเล็ก ๆ – สินค้าที่คิดว่าลูกค้าน่าจะหยิบเพิ่ม ให้นำมาวางไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์ เช่น ลูกอม, หมากฝรั่ง

• สินค้าจำเป็น – สินค้าที่ลูกค้าต้องการใช้อย่างเร่งด่วน เช่น ยาแก้ปวด, ถ่านไฟฉาย, ยาสามัญประจำบ้าน

• สินค้าโปรโมชั่น – สินค้าที่ต้องการเพิ่มยอดขายทำโปรโมชั่น ให้นำมาให้พนักงานแคชเชียร์แนะนำลูกค้าเพื่อส่งเสริมการขาย

# ทุกคนสามารถคลิกอ่านเรื่องการเพิ่มยอดขายที่เคาน์เตอร์ที่เราเขียนไว้ในเว็บไซต์ PN Storetailer ได้ที่ลิงก์นี้นะคะ → 6 ทริค กระตุ้นลูกค้าให้ซื้อของที่เคาน์เตอร์คิดเงินแบบ more and more!

9. จัดโซนสินค้าโปรโมชั่น

หากร้านค้าปลีกเน้นขายสินค้าที่ราคาเดิม ๆ ไม่มีลูกเล่นอะไร ร้านจะดูเรียบง่ายและไม่มีความน่าสนใจ คุณจึงควรเพิ่มอีกวิธีการหนึ่งของการจัดเรียงสินค้า ในร้านค้าปลีก ที่จะช่วยเพิ่มมิติใหม่ ๆ ให้ร้านค้าได้ดีนั่นก็คือการจัดโซนสินค้าโปรโมชั่น

ทำได้โดยการเลือกสินค้าที่ขายดี สินค้าที่ต้องการเพิ่มยอดขายมาใส่ใน กระบะโปรโมชั่น จากนั้นให้สับเปลี่ยนหมุนเวียนสินค้าโปรโมชั่นในทุก ๆ เดือน เพื่อให้เพิ่มความน่าดึงดูด อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นลูกค้าให้ซื้อสินค้ามากขึ้น เป็นการเพิ่มยอดขายได้อีกทางหนึ่งด้วย

การจัดโซนสินค้าโปรโมชั่นเพื่อเพิ่มยอดขาย

การจัดโซนสินค้าโปรโมชั่น ทำได้หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น

• จะเรียงไว้บนเชลฟ์ – ทำเป็นป้ายลดราคาให้เด่นออกมาว่าเป็นสินค้าโปรโมชั่น
• นำไปไว้ที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ – แล้วให้พนักงานพูดเชียร์อัพสินค้า
• นำไปไว้ที่หัวปิดเชลฟ์ – แล้วทำป้ายโปรโมชั่นให้เด่น ๆ
• ใช้กระบะโปรโมชั่น – สามารถตั้งไว้ที่หน้าร้านหรือทางเดินระหว่างเชลฟ์ เพื่อให้มีความโดดเด่นดึงดูดสายตาและหยิบจับง่าย
• ทำเป็นซุ้มเหมือนในห้าง – จัดบูธเป็นซุ้มและทำป้ายให้เห็นชัดเจน ว่าเป็นสินค้าโปรโมชั่น

# ทุกคนสามารถคลิกอ่านเรื่องการจัดโปรโมชั่นที่เราเขียนไว้ในเว็บไซต์ PN Storetailer ได้ที่ลิงก์นี้นะคะ → 6 ทริคจัดโปรโมชั่นที่ ‘ไม่ต้องลดราคาแรงๆ’ ก็เรียกลูกค้าได้