เลือกเรื่องที่จะอ่านเลย ↓
1. การจัดการคลังสินค้า คืออะไร?
Warehouse Management หรือการจัดการคลังสินค้า คือ กระบวนการควบคุมและจัดระเบียบทุกอย่างภายในคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การป้อนสินค้าเข้าสู่คลัง ไปจนถึงสินค้าส่งออกจากคลังเพื่อขายหรือบริโภค
โดยจะรวมไปถึง การจัดการคลังสินค้าและสินค้าคงคลัง, การบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่าง ๆ ในคลังสินค้า, การจัดสต็อกใหม่ที่เข้ามาในโกดัง, คำสั่งซื้อ การบรรจุสินค้า และการจัดส่ง, การติดตามและการปรับปรุงประสิทธิภาพของคลังสินค้าโดยรวม
-
วัตถุประสงค์ของการจัดการคลังสินค้า
- ลดระยะทางในการเคลื่อนย้ายให้มากที่สุด
- ใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- สร้างความมั่นใจว่าแรงงาน เครื่องมือ อุปกรณ์ สาธารณูปโภคต่าง ๆ มีเพียงพอและสอดคล้อง กับระดับของธุรกิจที่ได้วางแผนไว้
- สร้างความพึงพอใจในการทำงานในแต่ละวันแก่ผู้เกี่ยวข้องในการเคลื่อนย้ายสินค้า ทั้งการรับเข้าและการจ่ายออก โดยใช้ปริมาณจากการจัดซื้อ และความต้องการในการจัดส่งให้แก่ลูกค้าเป็นเกณฑ์
- สามารถวางแผนได้อย่างต่อเนื่อง ควบคุม และรักษาระดับการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการบริการภายใต้ต้นทุนที่เกิดประสิทธิภาพคุ้มค่าในการลงทุนตามขนาดธุรกิจที่กำหนด
-
ประโยชน์ของการจัดการคลังสินค้า
- ช่วยประหยัดค่าขนส่ง
- ช่วยประหยัดต้นทุนการผลิต
- ช่วยให้ได้รับผลประโยชน์จากส่วนลดเพื่อซื้อสินค้าจำนวนมาก
- ช่วยป้องกันสินค้าขาดแคลน
- ช่วยสนับสนุนนโยบายการให้บริการลูกค้าของกิจการ
- ช่วยให้เกิดความพร้อมที่จะเผชิญกับภาวะการเปลี่ยนแปลงของตลาด
และถ้าเป็นเป็นกิจกรรมหลัก ๆ ในกระบวนการเลยก็จะมี
- งานรับสินค้า (Goods Receive) เป็นการรับสินค้าเข้ามาสต็อกในคงคลัง ไม่ว่าจะเป็นจากการผลิตของโรงงานหรือนำเข้ามาจากที่อื่นก็ตาม
- การตรวจพิสูจน์ (Identify goods) เพื่อรับรองความถูกต้องในเรื่องของ ชื่อ แบบ หมายเลข หรือข้อมูลอื่น ๆ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสินค้า
- การตรวจแยกประเภท (Sorting goods) แยกประเภทเพื่อความสะดวกในการเก็บรักษาเช่น เป็นของดี ของชำรุด ของเก่า ของใหม่ ซึ่งต้องแยกออกจากกันในการเก็บรักษาคลังสินค้า
- งานจัดเก็บสินค้า (Put away) การขนย้ายสินค้าเข้าสู่แถว, ชั้นวางสินค้า, และตำแหน่งของสินค้า
- งานดูแลรักษาสินค้า (Holding goods) เป็นการดูแลเพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมสภาพของสินค้า
- การนับสต็อก (Inventory Count) นับตามรายละเอียดในใบนับสต็อก(ชนิด ปริมาณ ฯลฯ) เปรียบเทียบข้อมูลที่เก็บกับที่ได้จากการตรวจนับจริง
- งานจัดส่งสินค้า (Dispatch goods) เป็นการจัดส่งหรือการจ่ายสินค้าให้แก่ผู้รับหรือการคืนสินค้าให้แก่ผู้ฝาก
- การหยิบเลือกสินค้า (Picking) เป็นการเลือกหยิบเอาสินค้าจากพื้นที่ต่างๆ ในคลังเก็บสินค้ามารวมกันไว้ไปยังโซนต่อไป
- การจัดส่ง (Shipping) เป็นกระบวนการบรรจุสินค้า, แพ็คสินค้า, ทำเครื่องหมาย, ชั่งน้ำหนัก และส่งมอบผลิตภัณฑ์ออกจากคลังสินค้าไปสู่ผู้ค้าปลีกและผู้บริโภคต่อไป
- การจัดทำรายงาน (Report) ติดตามตรวจสอบผลิตภัณฑ์ และผลของการจัดการคลังสินค้าเพื่อใช้ในการวางแผนพัฒนาปรับปรุง รวมถึงการประมวลผลสรุปข้อมูลเชิงตัวเลข สถิติ และเชิงบรรยาย
3. จัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำอย่างไร?
ขั้นตอนการเริ่มต้นสำคัญที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลังสินค้า คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้อย่างดีที่สุด โดยสิ่งที่คุณจะต้องคำนึงเลยก็คือ
3.1) จัดการพื้นที่ให้เป็นระเบียบ
ทำได้โดยการเขียนแผนผังคลังสินค้าขึ้นมา โดยจะต้องสร้างความสมดุลระหว่างสองสิ่งนั่นก็คือ
- การจัดหาพื้นที่ที่มีขนาดกว้างเพียงพอสำหรับคลังสินค้าของคุณ
- ในขณะเดียวกันก็ต้องมีพื้นที่เพียงพอสำหรับพนักงานในการเคลื่อนย้ายสินค้าด้วย
โดยพื้นที่จะแบ่งออกได้ดังนี้
- พื้นที่สำหรับรับสินค้าใหม่ที่เข้ามา
- พื้นที่สำหรับเปิดกล่องและวางสินค้าใหม่
- สำนักงานคลังสินค้า
- พื้นที่หลักในการจัดเก็บสินค้า
- พื้นที่จัดเก็บสินค้าส่วนเกิน, หมดอายุ, หรือสินค้าค้างสต็อก
- พื้นที่บรรจุภัณฑ์หรือโซนแพ็คสินค้า
- บริเวณขนส่ง
จริง ๆ แล้วคุณอาจรู้สึกว่ามันมีหลายพื้นที่จนยุ่งยากในการจัดการ แต่ถ้าคุณร่างเค้าโครงคลังสินค้าของคุณตั้งแต่แรกเพื่อปรับพื้นที่และขนาดของบริเวณนั้น ๆ ให้มีความเหมาะสมก่อนจะเซ็ทพื้นที่นั้นขึ้นมา มันจะทำให้คลังสินค้าของคุณมีระเบียบและสะดวกในการใช้งานพื้นที่มาก ๆ มากเลยค่ะ
✎ Keynote : พื้นที่ว่างและความคล่องแคล่วในการเคลื่อนย้ายมีความสำคัญมาก ดังนั้นจึงควรจัดการให้ดีระหว่างชั้นวางสินค้า / ชั้นสต๊อกสินค้า กับทางเดินให้บริเวณนั้นมีพื้นที่ว่างมากพอในการหยิบจับสินค้า รวมถึงมีพื้นที่สำหรับรถแฮนด์ลิฟท์ขนย้ายสินค้าด้วย จัดการทางขึ้น-ทางลงให้ดี อย่าให้มีอะไรขวางระหว่างทาง เพื่อลดอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นนั่นเองค่ะ
3.2) ติดป้ายกำกับในคลังสินค้า
การจัดการคลังสินค้าจะมีประสิทธิภาพได้ก็ต่อเมื่อ คุณตั้งชื่อตำแหน่งสำหรับสต็อกสินค้าและมีป้ายกำกับให้มันชัดเจน
ทีมงานในโกดังจะต้องตรวจสอบระบบคลังสินค้าอยู่เสมอว่า “สินค้าประเภทใด อยู่ตำแหน่งใด”
“หลักการก็คือ : การใช้ตัวอักษรผสมกับตัวเลขในการตั้งชื่อ เพื่อง่ายต่อการเข้าใจ”
ตัวอย่างการติดป้ายกำกับ
โดยเราจะไปทีละ Steps ดังนี้เพื่อความง่ายต่อการเข้าใจนะคะ
การตั้งชื่อและติดป้ายกำกับจะต้องติดเป็น แถว, ชั้นสต๊อกสินค้า, และตำแหน่งสินค้าที่แน่นอน
Steps 1 : คุณจะต้องกำหนดว่า แถว, เชลฟ์, และตำแหน่งของสินค้านั้น เป็นสินค้าตัวไหน ตามประเภท, ลักษณะเฉพาะ, สี และไซส์ ตัวอย่างเช่น
- แถว A = เสื้อยืด / เชลฟ์ A = เสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงิน / ตำแหน่งสินค้า 1 = เสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินไซส์ S
- แถว A = เสื้อยืด / เชลฟ์ A = เสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงิน / ตำแหน่งสินค้า 2 เสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินไซส์ M
และเรียงไปเรื่อย ๆ
Steps 2 : สำหรับคลังสินค้าขนาดใหญ่ที่มีแถวมากขึ้นก็จะต้องเพิ่มรายละเอียดเข้าไปอีกเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น
แถว A = เสื้อยืด
- แถว A1 = เสื้อยืดคอกลม / เชลฟ์ A = เสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงิน / ตำแหน่งสินค้า 1 = เสื้อยืดคอกลมสีน้ำเงินไซส์ S
- แถว A1 =เสื้อยืดคอกลม / เชลฟ์ B = เสื้อยืดคอกลมสีแดง / ตำแหน่งสินค้า 2 = เสื้อยืดคอกลมสีแดงไซส์ M
- แถว A2 = เสื้อยืดคอวี / เชลฟ์ A = เสื้อยืดคอวีสีน้ำเงิน / ตำแหน่งสินค้า 1 = เสื้อยืดคอวีสีน้ำเงินไซส์ S
เรียงไปเรื่อย ๆ
แถว B = เสื้อเชิ้ต
- แถว B1 = เสื้อเชิ้ตแขนสั้น / เชลฟ์ A = เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำเงิน / ตำแหน่งสินค้า 1 = เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำเงินไซส์ S
✎ เรียงไปเรื่อย ๆ ตามประเภท / ลักษณะเฉพาะ, สี และไซต์
ซึ่งคุณก็สามารถนำไปดัดแปลงให้เหมาะสมกับสินค้าของคุณได้ค่ะ ดูภาพตัวอย่างด้านล่างเลย
3.3) การจัดเรียงสินค้าคงคลัง
เมื่อคุณสามารถจัดการตำแหน่งของป้ายกำกับสินค้าในคลังแล้ว..
คำถามคือ แล้วตำแหน่งการเรียงสินค้าจะต้องเรียงจากอะไร? อันประเภทไว้ก่อน-หลังดีล่ะ? แล้วมีเกณฑ์อะไรในการเรียงสินค้ากันนะ? ตามมาดูกันค่ะ
คำตอบคือ : เลือกสินค้าขายดีที่สุดให้อยู่ใกล้กับโซนบรรจุภัณฑ์หรือโซนแพ็คสินค้า
Veeqo.com ผู้ให้บริการธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจร ได้ทำการวิจัยไว้ว่า จากผู้ค้าปลีกกว่า 20 รายที่เขาได้สอบถาม พบว่า 60% ของยอดขายในบริษัท มักมาจากผลิตภัณฑ์ 20% ที่สร้างกำไรได้มากที่สุด ซึ่งมันหมายความว่า คุณสามารถลดเวลาการเดินของพนักงานหยิบสินค้าในคลังได้อย่างมากโดย
- คุณต้องรู้ว่าสินค้า 20% นั้นคืออะไร
- จากนั้นจัดเก็บสินค้าไว้ใกล้กับโซนแพ็คสินค้ามากที่สุด
ABC strategy จึงมีแนวโน้มที่จะถูกนำมาใช้มากขึ้นในการจัดการสินค้าคงคลัง โดยคุณจะต้องแบ่งสินค้าคงคลังทั้งหมดออกเป็นสามกลุ่มได้แก่ A, B และ C
A = เน้นสินค้าที่มีมูลค่าสูงและสร้างผลกำไรมากที่สุด
B = ขายได้บ่อย แต่มีคุณค่าและกำไรน้อยกว่าสินค้า A
C = สินค้าที่ขายได้ไม่มาก และสร้างผลกำไรได้น้อยที่สุด
จากนั้นคุณเลือกวาง “สินค้า A” ไว้ใกล้กับโซนแพ็คสินค้ามากที่สุด ในขณะที่ “สินค้า C” จะอยู่ห่างออกไปมากที่สุด ตามภาพด้านล่าง
โดยสินค้าขนาดเล็กและน้ำหนักเบาบางชิ้น อาจขายได้บ่อยมากพอที่จะสามารถเก็บไว้บนชั้นวางเหนือโต๊ะแพ็คสินค้า ซึ่งมันจะเป็นผลให้พนักงานแพ็คสินค้าสามารถนำมาแพ็คได้อย่างรวดเร็วและพนักงานหยิบสินค้าก็สามารถไปหยิบสินค้าที่ใหญ่กว่าได้
✎ Keynote : คุณสามารถใช้แนวคิดนี้ลึกลงไปอีกขั้น โดยดูว่าผลิตภัณฑ์ไหนที่ขายร่วมกันได้มากที่สุด แล้วนำมันมากเก็บไว้ใกล้กับโต๊ะแพ็คสินค้า และผลิตภัณฑ์ขายร่วมกันได้ดีมักจะถูกจัดเก็บไว้ใกล้กัน ซึ่งหมายความว่าคุณจะลดเวลาเดินของพนักงานหยิบสินค้าแต่ละคนได้เป็นสองเท่าค่ะ
3.4) อย่ากลัวที่จะจัดเรียงสินค้าใหม่
ใช่ค่ะ.. การจัดเรียงสินค้าใหม่ มันอาจจะต้องใช้เวลาและทรัพยากรในการดำเนินงาน มันก็มีความยุ่งยากในระดับหนึ่งเลย แต่คลังสินค้าที่ถูกจัดเรียงอย่างเหมาะสม จะสามารถช่วยประหยัดเวลาโดยรวมและลดต้นทุนอย่างมากสำหรับการจัดการห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดของคุณ
ตัวอย่างเช่น
สินค้าที่เคยขายออกยากมากที่สุดในช่วงฤดูร้อน อาจจะขายดีที่สุดในช่วงฤดูหนาว อย่างพวกเสื้อกันหนาว, หมวกไหมพรม หรือพวกร่มกับเสื้อกันฝน ควรจะนำมาจัดเรียงใหม่ให้ใกล้กับโซนแพ็คสินค้าในช่วงฤดูฝน
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลในการจัดเรียงสินค้าใหม่ให้สอดคล้องกับฤดูกาล และเวลาที่มันควรจะเป็นค่ะ
3.5) อุปกรณ์ในคลังสินค้าต้องมีคุณภาพ
การจัดการคลังสินค้าจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ต่อเมื่อคุณมีอุปกรณ์ที่ดีที่สุดในคลังสินค้าของคุณด้วย สิ่งสำคัญที่สุดในคลังสินค้า ที่จะต้องใส่ใจมากที่สุดคือ
แร็คและชั้นสต็อกสินค้า เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรมีในโกดัง หรือคลังจัดเก็บสินค้า สิ่งสำคัญคือชั้นสต็อกสินค้า และชั้นวางสินค้าจะต้องมีคุณภาพ มีความแข็งแรง และรับน้ำหนักได้มาก และควรมีการออกแบบ / ผลิตให้เหมาะสมกับชิ้นงานในโกดังด้วยนะคะ
ซึ่ง ชั้นวางสินค้า PN ของเรารับออกแบบผลิตชั้นวางสินค้า แร็ควางของและชั้นสต็อกสินค้าให้เหมาะสมกับโกดังและของคุณให้ได้มากที่สุด
เรามีทีมออกแบบ 3D วางแปลนร้าน และมีทีมงานที่คอยให้บริการลูกค้าด้วยใจ (ที่สำคัญ เราผลิตชิ้นงาน – พ่นสี – และทำทุกกระบวนการเองตั้งแต่ต้นจนจบ รับรองว่าหากสั่งสินค้ากับเรา ลูกค้าสามารถติดตามงานได้ตลอดค่ะ) สามารถดูตัวอย่างการออกแบบของ PN ได้ที่ด้านล่างเลยนะคะ
ตัวอย่างแบบแปลน 3D และการผลิตติดตั้งชั้นสต็อกในคลังสินค้า by PN
รายการอุปกรณ์ในคลังสินค้าอื่น ๆ ที่ควรมี
- พาเลทวางสินค้า – ไว้ใช้วางรองกล่องลังสินค้า เพื่อที่จะยกสินค้าขึ้นบนแฮนด์ลิฟท์หรือรถลากพาเลทได้ อีกทั้งยังวางบนชั้นสต๊อกสินค้าได้ง่ายมากขึ้น
- รถเข็นสินค้า – พนักงานหยิบสินค้าจะต้องมีรถเข็นสำหรับหยิบสินค้าไปที่โซนแพ็คสินค้า
- Hand Lift – สำหรับยกเพื่อเคลื่อนย้ายพาเลทสินค้าและกล่องลังสินค้าทีละเยอะ ๆ
- กล่องใส่สินค้า – โดยปกติแล้วภาชนะพลาสติกธรรมดา ๆ จะวางบนรถเข็นและจะเก็บสินค้าได้ครั้งละหนึ่งคำสั่งเท่านั้น
- โต๊ะแพ็คสินค้า – จะมีความทึบและใหญ่กว่าโต๊ะทำงานทั่วไป และจะมีม้วนเพื่อให้ใส่วัสดุที่จะแพ็คเข้าไปได้ด้วย
- วัสดุในการแพ็ค – ไม่ว่าจะเป็นกล่องสำหรับขนส่ง, เทปกาว, พลาสติกหุ้มกันกระแทก, กระดาษฝอยรองสินค้า
- เครื่องปริ้นท์ – สำหรับปริ้นท์ใบคำสั่งซื้อ, ใบแจ้งหนี้, ปริ้นท์ป้ายต่าง ๆ
- คอมพิวเตอร์ – สำหรับทำงานที่เกี่ยวกับเอกสาร
- เครื่องชั่งสินค้า – ใช้ในการชั่งน้ำหนักสินค้าทั้งนำเข้าและส่งออก
- กล้องวงจรปิด – สินค้าคงคลังเป็นทรัพย์สินทางธุรกิจและควรได้รับการป้องกันอย่างดี เผื่อมีการโจรกรรมเกิดขึ้น
PS. ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าสินค้าคงคลังของคุณเป็นผลิตภัณฑ์แบบใด ยังไงก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมนะคะ
✎ สรุป
การจัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพจะต้องใช้วิธีดังนี้
- จัดการพื้นที่ให้เป็นระเบียบโดยการวาดแผนผังและจัดเรียงเลย์เอ้าต์ให้ดีตั้งแต่แรก
- ติดป้ายกำกับในคลังสินค้า
- จัดเรียงสินค้าแบบ A B C เรียงตามสินค้าที่ขายดีที่สุดไปหาสินค้าที่ขายดีน้อยที่สุด
- อย่ากลัวที่จะจัดเรียงสินค้าใหม่
- อุปกรณ์ในคลังสินค้าต้องมีคุณภาพ
หวังว่า PN จะสามารถช่วยให้คุณนำเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จากเรานำไปปรับปรุงการจัดการคลังสินค้าของคุณได้
นอกจากนี้ยังมีวิธีการจัดการคลังสินค้าแยกย่อยลงไปอีกมากมายตามกระบวนการต่าง ๆ ที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่ง PN จะรวบรวมข้อมูลมาทำคอนเทนต์เพิ่มเติมให้อ่านกันเรื่อย ๆ แน่นอนค่ะ ยังไงก็ฝากติดตามในบทความอื่น ๆ ของเราที่จะอัพเดทให้อ่านกันในหัวข้อต่อไปด้วยนะคะ
References :
- Warehouse Management: A Complete Guide for Retailers by veeqo.com
- What is warehouse management? by tradegecko.com
- การควบคุมคลังสินค้า by similantechnology.com